โรคติดเชื้อแบคทีเรียของผิวหนัง (Bacterial Skin Infection) โรคติดเชื้อแบคทีเรียของผิวหนัง (Bacterial Skin Infection) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้บ่อยกับคนทุกเพศทุกวัย เมื่อเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ผิวหนังผ่านทางบาดแผลเล็กๆ หรือรูขุมขน ก็จะเจริญเติบโตและทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งมีอาการและความรุนแรงแตกต่างกันไปตามชนิดของเชื้อและบริเวณที่ติดเชื้อ
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังได้รับความเสียหาย ทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนังหรือในสภาพแวดล้อมสามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายได้
บาดแผล: การมีบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ เช่น รอยถลอก, รอยขีดข่วน, แมลงกัดต่อย หรือแผลผ่าตัด
สุขอนามัยที่ไม่ดี: การรักษาความสะอาดของผิวหนังและร่างกายไม่เพียงพอ
ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน, โรคไต, หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
สภาพแวดล้อม: การสัมผัสกับสิ่งสกปรกหรือน้ำที่มีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อน
ประเภทและอาการที่พบบ่อย
โรคติดเชื้อแบคทีเรียของผิวหนังมีหลายประเภทตามความลึกของการติดเชื้อ
แผลพุพอง (Impetigo): เป็นการติดเชื้อที่ผิวหนังชั้นตื้น มีลักษณะเป็นตุ่มน้ำหรือตุ่มหนองใสๆ จากนั้นจะแตกออกเป็นแผลและมีสะเก็ดสีเหลืองคล้ายน้ำผึ้ง มักพบบริเวณใบหน้า แขน และขา
ฝี (Abscess/Boils): เกิดจากการติดเชื้อที่ลึกถึงรูขุมขน ทำให้เกิดเป็นตุ่มนูนแดงและเจ็บปวด ภายในมีหนอง มักพบบริเวณที่มีการเสียดสี เช่น คอ, รักแร้, หรือก้น
ไฟลามทุ่ง (Erysipelas): เป็นการติดเชื้อที่ผิวหนังชั้นบนและชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดผื่นแดงเป็นปื้นนูนขอบชัดเจน มีอาการปวด บวม และร้อน
เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังอักเสบ (Cellulitis): เป็นการติดเชื้อที่ลึกถึงชั้นใต้ผิวหนังและชั้นไขมัน ทำให้ผิวหนังมีอาการบวม แดง และร้อน อาการอาจลุกลามอย่างรวดเร็วและอาจมีไข้สูงร่วมด้วย
แบคทีเรียกินเนื้อ (Necrotizing Fasciitis): เป็นภาวะติดเชื้อรุนแรงถึงชั้นพังผืดที่หุ้มกล้ามเนื้อ ทำให้เนื้อเยื่อตายอย่างรวดเร็ว มีอาการปวด บวม แดงร้อนอย่างมาก และผิวหนังอาจเปลี่ยนเป็นสีม่วง เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรักษาเร่งด่วน
การรักษาและการป้องกัน
การรักษาจะขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะชนิดทาหรือรับประทาน แต่ในกรณีที่รุนแรงอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะแบบฉีดเข้าเส้นเลือด และอาจต้องผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออก
เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ควรดูแลสุขอนามัยให้ดีด้วยการล้างมือและทำความสะอาดผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ หากมีบาดแผล ควรล้างทำความสะอาดและดูแลแผลให้ถูกวิธี หากมีอาการน่าสงสัย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องค่ะ